หมอจะใช้ยารักษาโรคเกาต์ 2 กรุ๊ป ดังเช่น
1. ยาแก้ข้ออักเสบ ในรายที่เป็นข้ออักเสบกะทันหัน นิยมให้ยากรุ๊ปต้านทานอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ ดังเช่นว่า ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) ไดวัวลฟีแนก (diclofenac) ฯลฯ ซึ่งจะให้รับประทานตอนระยะสั้นๆแล้วก็หยุดยาเมื่ออาการดีขึ้นปกติแล้ว ยากลุ่มนี้ไม่สมควรรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานๆอาจจะเป็นผลให้กำเนิดแผลในกระเพาะ ไส้ แพ้ยา หรือไตวายได้
ในรายที่เป็นเรื้อรัง หรือมีสิ่งที่ไม่อนุญาตใช้ยาดังกล่าวมาแล้วข้างต้น หมอจะให้ลดการอักเสบของข้ออีกประเภทหนึ่ง เช่น คอลชิซีน (colchicine) ซึ่งหากกินในขนาดสูง อาจจะส่งผลให้มีลักษณะท้องร่วงได้ สำหรับคนที่แปลงเป็นโรคเกาต์ประเภทเรื้อรัง หมอจะให้ผู้เจ็บป่วยรับประทานคอลชิซีน วันละ 1 เม็ด ทุกเมื่อเชื่อวันนานเป็นนานแรมปี หรือตลอดกาล
2. ยาควบคุมยูริก เพื่อลดกรดยูริกในเลือดให้สู่ระดับธรรมดา ก็จะช่วยคุ้มครองป้องกันการกำเริบของโรคนี้ และก็ส่งผลคุ้มครองภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวได้ หมอนิยมให้คนป่วยรับประทานยาอัลโลพูรินอล (allopurinol) ซึ่งมีฤทธิ์ลดการผลิตกรดยูริกภายในร่างกาย วันละ 1-2 เม็ดวันแล้ววันเล่าโดยตลอดนานหรือตลอดชาติ คนป่วยบางบุคคลบางทีอาจแพ้ยานี้ได้ ถ้าเกิดแพ้ยา หมอบางทีอาจให้ยาขับกรดยูริก ในเลือด อาทิเช่น โพรเบเนซิด (probenecid) แทน
สำหรับเพื่อการรักษาโรคโรคเกาต์ ซึ่งนับว่าเป็นโรคเรื้อรังประเภทหนึ่ง แล้วก็อาจมีเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง ร่วมด้วย จำเป็นที่จะต้องติดตามรักษากับหมออย่างเป็นจริงเป็นจัง และก็สม่ำเสมอ กระทำตรวจสอบระดับกรดยูริกในเลือดทุก 3-6 เดือน ให้มั่นใจว่าควบคุมอยู่ในระดับธรรมดาเจริญตลอดระยะเวลา
คนไข้จำนวนมาก มักรู้ผิดว่าหายจากโรคแล้ว เมื่อไม่มีลักษณะของการปวดข้อ ก็ชอบหยุดรับประทานยา แล้วก็จะมาเจอหมอเป็นครั้งเป็นคราว เฉพาะเวลามีลักษณะอาการข้ออักเสบ ความประพฤติแบบนี้ มักทำให้ผู้เจ็บป่วยแปลงเป็นโรคเกาต์จำพวกเรื้อรัง รวมทั้งเกิดภาวะสอดแทรกต่างๆตามมาท้ายที่สุด
การวิเคราะห์
หมอจะวิเคราะห์พื้นฐานจากอาการแสดง ซึ่งโรคเกาต์จะมีลักษณะเด่นเป็นมีการอักเสบร้ายแรงของข้อหัวแม่ตีนเพียงแต่ 1 ข้อ เกิดขึ้นเฉียบพลันข้างหลังดื่มเบียร์สด หรือเหล้าองุ่น กินเลี้ยง หรือรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกสูง