ลักษณะของไข้เลือดออกแบ่งได้เป็น 3 ระยะ อาทิเช่น
ระยะที่ 1 ระยะไข้สูง
ผู้เจ็บป่วยจะเป็นไข้สูงซึ่งเกิดขึ้นเฉียบพลัน มีลักษณะไข้สูงลอยตลอดระยะเวลา (รับประทานยาลดไข้ก็ชอบไม่ลด) หน้าแดง ตาแดง ปวดหัว อยากดื่มน้ำ คนเจ็บจะซึม มักมีลักษณะเบื่อข้าวแล้วก็คลื่นไส้ร่วมด้วยเสมอ บางรายบางทีอาจพร่ำบ่นเจ็บท้องในรอบๆ ใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงขวา หรือเจ็บท้องทั่วๆไป อาจมีท้องผูก หรือถ่ายเหลว ส่วนใหญ่ชอบไม่ค่อยมีลักษณะอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือไอมากมาย (อาทิเช่น ผู้ที่เจ็บป่วยหวัดหรือเป็นหัด) แต่ว่าบางรายอาจมีลักษณะการเจ็บคอ คอแดงน้อย หรือไอบ้างน้อย
ในราววันที่ 3 ของไข้ อาจมีผื่นแดง ไม่คัน ขึ้นตามแขน ขา รวมทั้งลำตัว ซึ่งจะเป็นอยู่ 2-3 วัน บางรายอาจมีจุดเลือดไหลมีลักษณะเป็นจุดแดงเล็กๆ(ครั้งคราวอาจมีจ้ำเขียวด้วยก็ได้) ขึ้นตามหน้า แขน ขา ซอกจั๊กกะแร้ ในโพรงปาก (เพดานปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้นไก่) ในช่วงนี้บางทีอาจลูบคลำเจอตับโต รวมทั้งมีลักษณะอาการกดเจ็บน้อย การทดลองทูร์นิเคต์* โดยมากจะได้ผลบวกเมื่อวันที่ 2 ของไข้ รวมทั้งในวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 นิ้ว ชอบเจอมีจุดเลือดไหลมากยิ่งกว่า 20 จุดเสมอ คนป่วยจะเป็นไข้สูงลอยอยู่โดยประมาณ 2-7 วัน หากไม่มีอาการร้ายแรง โดยมากไข้ก็จะลดน้อยลงในวันที่ 5-7 บางรายอาจมีไข้เกิน 7 วันได้ แม้กระนั้นถ้าหากเป็นมาก ก็จะปรากฏอาการระยะที่ 2
ระยะที่ 2 ระยะช็อกรวมทั้งมีเลือดไหล
ชอบเจอในไข้เลือดออกที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อเด็งกีที่มีความร้ายแรงขั้นที่ 3 และก็ 4 และไม่ค่อยเจอคนป่วยที่เกิดขึ้นจากเชื้อชิกุนปะทุนยา อาการจะเกิดขึ้นในตอนระหว่างวันที่ 3-7 ของโรคซึ่งนับได้ว่าเป็นตอนวิกฤติของโรค ลักษณะของการมีไข้จะเริ่มต่ำลง แม้กระนั้นผู้เจ็บป่วยกลับมีลักษณะอาการทรุดหนัก มีลักษณะอาการเจ็บท้องและก็คลื่นไส้บ่อยครั้งขึ้น ซึมมากยิ่งขึ้น กระวนกระวาย ตัวเย็น มือเท้าเย็น เหงื่อแตก ฉี่ออกน้อย ชีพจรเต้นค่อยแต่ว่าเร็ว (อาจมากกว่า 120 ครั้งต่อนาที) รวมทั้งความดันต่ำ ซึ่งเป็นลักษณะของภาวการณ์ช็อก ภาวการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะเหตุว่าพลาสมาซึมออกมาจากเส้นเลือด ทำให้ขนาดของเลือดลดน้อยลงมากมาย หากเป็นร้ายแรงคนไข้อาจมีอาการไม่ค่อยรู้ตัว ตัวเย็นชืด ปากเขียว ชีพจรลูบคลำมิได้ และก็ความดันตกจนถึงวัดมิได้ แม้มิได้รับการดูแลรักษาได้ทันการก็บางทีอาจตายได้ข้างใน 1-2 วัน
นอกเหนือจากนั้น คนเจ็บยังอาจมีอาการเลือดไหลตามผิวหนัง (มีจ้ำเขียวพรายย้ำขึ้น) เลือดกำเดาไหล คลื่นไส้เป็นเลือดใหม่ๆหรือเป็นสีกาแฟ อุจจาระเป็นเลือดใหม่ๆหรือเป็นสีน้ำมันดิบๆหากเลือดไหลมักนำมาซึ่งภาวการณ์ช็อกร้ายแรงจนตายได้อย่างเร็ว ระยะที่ 2 นี้ จะใช้เวลาราวๆ 24-72 ชั่วโมง ถ้าหากว่าคนเจ็บสามารถผ่านตอนวิกฤติไปได้ ก็จะเข้าสู่ระยะที่ 3
ระยะที่ 3 ระยะฟื้น
ในรายที่มีภาวการณ์ช็อกไม่ร้ายแรง เมื่อผ่านตอนวิกฤติไปแล้ว ก็จะดียิ่งขึ้นอย่างเร็ว หรือแม้กระทั้งคนป่วยที่มีภาวการณ์ช็อกร้ายแรง เมื่อได้รับการดูแลรักษาอย่างแม่นยำและก็ทันทีทันควัน ก็จะฟื้นสู่ภาวะธรรมดา อาการที่ส่อว่าดียิ่งขึ้น ก็คือ คนเจ็บจะเริ่มต้องการทานอาหารแล้วอาการต่างๆจะคืนกลับสู่ภาวะธรรมดา ช่วงนี้บางทีอาจใช้เวลา 7-10 วัน ข้างหลังผ่านระยะที่ 2
รวมเวลาตั้งแต่เริ่มเป็นจนถึงแข็งแรงดีโดยประมาณ 7-14 วัน, ในรายที่มีลักษณะอาการเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ บางทีอาจเป็นอยู่ 3-4 วัน ก็หายได้เอง (ส่วนลักษณะของการมีไข้ บางทีอาจเป็นอยู่ 2-7 วัน บางรายบางทีอาจนาน 10 วันก็ได้)
การดำเนินโรค
ราวจำนวนร้อยละ 70-80 ของผู้ที่ป่วยเลือดไหลจะมีลักษณะเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ แล้วก็หายได้เองข้างในราวๆ 7-14 วัน เพียงให้การรักษาตามอาการและก็ให้กินน้ำมากมายๆเพื่อคุ้มครองปกป้องภาวการณ์ขาดน้ำรวมทั้งช็อกก็พอเพียง ไม่ต้องรับไว้รักษาในโรงหมอ ไม่ต้องฉีดยาหรือให้น้ำเกลือทางเส้นโลหิต ราวปริมาณร้อยละ 20-30 อาจมีภาวการณ์ช็อกหรือเลือดไหล ซึ่งก็มีทางรักษาได้ด้วยการให้น้ำเกลือหรือให้เลือด มีเพียงแค่ส่วนน้อยที่บางทีอาจเป็นร้ายแรงจนตายได้ โดยยิ่งไปกว่านั้นหากเจอในเด็กอายุต่ำลงยิ่งกว่า 1 ปี อาจมีอัตราตายสูงขึ้นมากยิ่งกว่ากลุ่มวัยอื่นๆ
ภาวะแทรกซ้อน
นอกเหนือจากสภาวะเลือดไหลร้ายแรง (ถ้าหากมีเลือดไหลในกระเพาะจำนวนไม่ใช่น้อยหรือมีเลือดไหลในสมองมักมีอัตราตาย สูง) แล้วก็สภาวะช็อกแล้ว ยังบางทีอาจเกิดภาวะตับวาย (มีลักษณะอาการโรคตับเหลือง) ซึ่งเป็นสภาวะรุนแรงจนตายได้ พบได้ทั่วไปในคนป่วยที่มีสภาวะช็อกอยู่นาน นอกเหนือจากนี้บางทีอาจเป็นปอดอักเสบ (อาจมีภาวการณ์มีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้) หลอดลมอักเสบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบแทรกได้ แม้กระนั้นก็ได้โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก นอกเหนือจากนี้หากให้น้ำเกลือมากมายไป บางทีอาจเกิดภาวะปอดอักเสบน้ำ (pulmonary edema) เกิดอันตรายได้ ด้วยเหตุนี้ เวลาให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด ควรจะตรวจตราอาการอย่างใกล้ชิด
การแยกโรค
ไข้เลือดออกจะมีลักษณะอาการไข้สูง (ตัวร้อน) เป็นหลัก ควรจะแบ่งออกมาจากไข้อื่นๆอย่างเช่น
หวัด มีลักษณะอาการตัวร้อนเป็นตอนๆมีน้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอนิดหน่อย ไข้ชอบหายได้เองด้านใน 2-4 วัน
ไข้หวัดใหญ่ มีลักษณะอาการตัวร้อนมากเป็นตอนๆเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเรียกตัวมากมาย เบื่อข้าว เจ็บคอนิดหน่อย ไอ รวมทั้งมีน้ำมูกบางส่วนร่วมด้วย ลักษณะของการมีไข้ชอบหายได้เองด้านใน 3-5 วัน
ฝึกหัด มีลักษณะตัวร้อนตลอดระยะเวลา หน้าแดง ตาแดง เหมือนไข้เลือดออก แม้กระนั้นต่างกันตรงที่ฝึกฝนจะมีขี้มูกเกรอะกรัง ไอ แล้วก็ข้างหลังจับไข้ 3-4 วันจะมีผื่นแดงขึ้นเรียกตัว โรคนี้มักหายได้เองข้างใน 7-10 วัน
ปอดอักเสบ (ปอดอักเสบ) จับไข้สูง ไอมีเสมหะ เจ็บอก แล้วก็หายใจแรง ถ้าเกิดสงสัยจำต้องไปพบหมอในทันที มักจำต้องกระทำตรวจเสลด เอกซเรย์ปอด
ไข้รากสาดน้อย (ไข้รากสาดน้อย) เป็นไข้สูงตลอดระยะเวลา จุกแน่นท้อง อาเจียน คลื่นไส้ ท้องผูกหรือไม่ก็ถ่ายเหลว ไม่มีน้ำมูก อาการตัวร้อนชอบเป็นนานเป็นอาทิตย์ขึ้นไป ถ้าหากสงสัยหมอจะกระทำตรวจเลือดพิสูจน์
เล็ปโตสไปโรซิส (ไข้ฉี่หนู) จะจับไข้สูงตลอดระยะเวลา หนาวสั่น ปวดน่อง ตาแดง โรคดีซ่าน ถ้าหากสงสัยควรจะไปพบหมอโดยด่วน